แม้จะเป็นผู้หญิงสายลุย
ที่โดยเนื้อแท้ไม่ได้รักสวยรักงาม
หรือห่วงสภาพหนังหน้ามากไปกว่าความบันเทิงหฤหรรษ์สักเท่าไหร่ แต่ด้วยหน้าที่การงาน
“พีอาร์สายบิวตี้” ที่ค้ำคอ ดังนั้น “แกจะแอดเวนเจอร์แค่ไหนก็ได้
แต่แกจะหน้าพังไม่ได้!!” ด้วยพันธกิจนี้
จึงทำให้ต้องให้ความใส่ใจในการจัดระเป๋าไปผจญภัยแบบแพคไลท์แต่ยังครอบคลุมการประทินผิวของตัวเองอยู่
เลยอยากเอาประสบการณ์มาเม้าท์เล่าให้ฟัง เพราะเดี๋ยวนี้เห็นผู้หญิงออกลุย ออกแอดเวนเจอร์กันมากขึ้น แต่ก็อยากบอกว่า เราจะเที่ยวเอามันส์โดยไม่ดูแลตัวเองไม่ได้นะแก
จากการหาข้อมูล อ่านรีวิว ฟังเขาเล่า
โจทย์ในการจัดกระเป๋าเครื่องสำอาง (ขอใช้คำว่ากระเป๋าเครื่องสำอางละกัน
ดูเข้าใจง่ายดี) ต้องมีไอเทมที่ทำให้เรารอดในคอนดิชั่นต่างๆดังนี้ได้
- อากาศแห้งและหนาวมากของหิมาลัยในเดือนธันวาคม - ปกติก็แห้งมากและลอกมากอยู่แล้ว โจทย์นี้เลยทำให้หนักใจที่สุด
- บางวันจะไม่ได้ล้างหน้า – ปกติเป็นคนไม่มีสิว ดังนั้นถ้าการต้องซกมกจนสิวเห่อคงทำใจรับไม่ได้
- รังสียูวีและแดดบนภูเขาแรงมาก และการต้องเดินตากแดดจะทำให้หน้าไหม้ - เกือบทุกคนกลับมาด้วยสภาพหน้าเบิร์น ผิวไหม้จนลอก ดำขึ้นนี่ไม่กลัวเลยนะ แต่หน้าไหม้เป็นด่างนี่ฉันรับไม่ได้
- ปัจจัยหลายอย่างพร้อมส่งผลให้เซ็บเดิร์มกำเริบ – เราเป็นเซ็บเดิร์มอยู่แล้ว หรือโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เป็นผื่นแพ้บนหน้าเมื่อเจอสิ่งที่ตัวเองแพ้ ไม่ว่าจะลม ฝุ่น อากาศเปลี่ยน นอนน้อย กินไม่ดี เรีกว่าผิวมีความกระแดะสูงมาก
หลังจากพยายามเลือกและคัดเอาเข้าเอาออกอยู่นานเพราะจะขนเครื่องประทินผิวไปทุกอย่างเผื่อไว้รับมือก็ไม่ได้
พื้นที่และน้ำหนักกระเป๋าจำกัดมาก ดังนั้นสิ่งที่เลือกติดตัวไป ต้องตอบโจทย์ได้หมด
แล้วก็มาลงตัวที่รายการเหล่านี้ที่เรามั่นใจว่าหน้าเราจะรอดแม้ในสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมที่ว่ากันว่าเลวร้ายเกือบสุด
Kiehl’s Ultra Facial Cleanser คลีนเซอร์ที่ชอบที่สุด สะอาดแต่ไม่แห้งตึง
ตัวนี้ใช้เป็นประจำอยู่แล้ว ผูกขาดมาก
Kiehl’s Ultra Facial Cream มอยซ์เจอร์ไรเซอร์เติมความชุ่มชื้นผิวที่ดีมาก
เหมาะกับการพกติดตัวตอนเดินทางเพราะไม่ต้องขนอะไรไปเยอะแค่ตัวเดียวพอแล้ว
Kiehl’s Ultra Facial Deep Moisture Balm ทาครีมแล้วโบกทับด้วยปาล์ม
ควักมานิดนึงแล้วขยี้ๆบนมือแล้วค่อยตบเบาๆบนหน้า รู้สึกว่ามันล็อคความชุ่มชื้นไว้บนหน้าได้ดีมาก ใช้สองตัวนี้คู่กันตลอดทริปไม่มีคำว่าแห้งลอกเป็นขุยเลย
ตัวนี้เมืองไทยไม่มีขาย สามารถหาซื้อได้ที่คีลส์ในโซนประเทศอื่นที่ไม่ใช่ SEA
Kiehl’s Ultra Facial Daily UV Defense SPF 50 PA++++
เลือกอยู่นานว่าจะเอากันแดดตัวไหนไปดี เพราะถือว่าเป็นชิ้นสำคัญสำหรับการเดินทางแบบผจญภัยมาก
สุดท้ายก็เลือกเอาตัวนี้ไป เพราะมั่นใจว่าเราใช้แล้วไม่แพ้ สบายผิว
และด้วยความที่ต้องทากันแดดซ้ำบ่อยๆ จึงยิ่งต้องเลือกตัวที่คิดว่าไม่เหนอะโบกทับได้สบาย
ตลอดทริปเราทาครีมกันแดดทุก 2 ชม. หรือทุกครั้งที่พัก
การขยันทาซ้ำมันเลยช่วยให้หน้าไม่ไหม้เหมือนที่เกิดกับหลายคนเวลาเดินตากแดดบนเขานานๆ
Green Leaf Aloe Vera Gel
Burnova Gel
อันนี้เลือกมาเพราะตอนไปยืนเลือกซื้อเจลว่านหาไม่รู้จะซื้อตัวไหน
เลยหยิบๆมา ใช้ทามันทั้งสองตัวพร้อมกัน นี่แหละ อันนี้หลอดเล็กกว่าเลยพกไว้ในกระเป๋าเป้ติดตัวของตัวเองด้วยเลย
ช่วงที่เดินแล้วรู้สึกว่าแดดเผาแสบหน้ามาก ก็ทาตัวนี้ระหว่างทาง แล้วทากันแดดทับ
น้ำเกลือ Klean & Kare
ตั้งใจจะพกน้ำเกลือไปไว้ใช้ล้างหน้าในวันที่ไม่สามารถล้างหน้าแบบจริงจังได้
ซึ่มก็เกิดขึ้นจริงในวันที่อากาศหนาวมากและไม่มีน้ำร้อนให้ใช้ เราใช้ทิชชู่เปียกมามี๊โปโกะเช็ดหน้าก่อน
แล้วเอาน้ำเกลือเทลงทิชชู่เปียกแผ่นที่สองแล้วเช็ดตามอีกที คิดว่าได้ผลนะ
เพราะไม่มีสิวขึ้นเลยตลอดทริปแม้จะไม่ได้ล้างหน้า ไม่ได้อาบน้ำติดกันมากกว่า 6
วัน
นอกจากเอาไว้ใช้ล้างหน้าแล้ว
ด้วยความที่เนปาลฝ่นเยอะมาก ตลอดทางเจอแต่ฝุ่นคละคลุ้ง
น้ำเกลือเลยมีประโยชน์ในการใช้ล้างจมูกด้วย ใครที่คิดว่าอยู่ กทม
ล้างจูกแล้วรู้สึกสะอาดมาก คุณจะรู้สึกสะใจยิ่งกว่าเมื่อเอาไปใช้ล้างที่เนปาล
คือแบบ มันออกมาเป็นก้อนดำๆเลยอ่ะแก ออกมาแบบฟินอ่ะ สะใจ
อ้อ .. อีกอย่างที่ต้องพกไปขาดไม่ได้
คือลิปบาล์ม เราเอาไปสองตัว คือ Kiehl’s Lip Balm #1 กับ Vaseline
ใช้ทั้งคู่สลับกัน ดีทั้งคู่ ช่วงที่จมูกเริ่มแห้งเพราะโดนอากาศทำร้ายก็ลิปบาล์มนี่แหละทาใต้จมูกที่แห้งๆด้วยเลย
สภาพหน้าในวันแรกของการ trek หลังเดินตากแดดมาครึ่งวัน |
อันที่จริงก็มีติดตัวไปมากกว่านี้นะ มีแป้งโยคี
แป้งเด็ก แต่สุดท้ายทีเลือกลิสต์ข้างยนมาเป็น item must พกพานี้เพราะผ่านมาแล้วรู้สึกว่าแป้งไม่ได้ใช้
แต่ถ้าขาดพวกพี่ข้างบนนี้ฉันคงจะแย่
สภาพหน้าในวันที่ 8 ของการ trek มีเบิร์นเบาๆเหนือริฝีปากเพราะเช็ดน้ำมูกตลอดเวลา นอกนั้นยังไม่พัง |
ทั้งหมดที่พกไปนี้คือของที่รู้สึกคุ้มค่าที่ยอมแบกไป
(มันคือกระเป๋าส่วนที่หนักที่สุด) จบทริปกลับมาเจอปัญหาแค่หน้าหมองคล้ำเพราะเจอแดดมาเยอะ
แต่ไม่มีปัญหาหน้าไหม้ หน้าลอก หน้าแห้ง หรือเซ็บเดิร์มขึ้นเลย เรากล้าพูดว่าทริปลุยขนาดนี้แต่หน้าไม่พัง
เพราะสามารถเปรียบเทียบความหน้าพังได้ชัดจากทริปญี่ปุ่นที่ชิคๆคูลๆแต่กลับมาหน้าเยินมาก
ใครที่ชอบลุย ชอบแอดเวนเจอร์ แต่ก็ยังรักสวยรักงามไม่อยากหน้าพัง
จัดกระเป๋าเดินทางครั้งหน้าก็ลองพกสิ่งเหล่านี้ดู เราว่าสำคัญสุดสำหรับการดูแลผิวเวลาเดินทาง
คือ มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ ครีมกันแดด และ after sun ซึ่งเจลว่านหางไทยๆนี่แหละดีเลศแล้ว
และที่สำคัญกว่าคือการขยันทาครีมกันแดดซ้ำนะจ๊ะ
Hello! It looks like the writer of this blog is really very professional because I never read such kind of writing before. The way of writing and the way of using right words on right place shows some expert skillsรอยดําจากสิว
ReplyDelete